share

สายสตรีมมิ่งวีดีโอ สายเกมมิ่งต้องรู้ RTT คืออะไร ?

Last updated: 11 Jul 2024
233 Views
RTT คืออะไร (ROUND TRIP TIME) สายสตรีมมิ่งวีดีโอ สายเกมมิ่งต้องรู้

   ในยุคดิจิทัลที่การใช้งานอินเทอร์เน็ตมีความสำคัญอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการสตรีมมิ่งวิดีโอหรือการเล่นเกมออนไลน์ การมีความเข้าใจเกี่ยวกับ RTT (Round Trip Time) จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม RTT เป็นตัวชี้วัดหนึ่งที่บอกถึงเวลาที่ใช้ในการเดินทางไปกลับของข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ของผู้ใช้และเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อประสบการณ์การใช้งานอินเทอร์เน็ตของเรา ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ชื่นชอบการดูวิดีโอแบบสตรีมมิ่งหรือเป็นเกมเมอร์ที่ต้องการการตอบสนองที่รวดเร็ว การเข้าใจและตรวจสอบค่า RTT จะช่วยให้คุณสามารถเลือกประเภทแพ็คเกจของ SIM card ได้อย่างเหมาะสม

Round Trip Time ส่งผลอย่างไรต่อการใช้งานเซอร์วิสแต่ละประเภท ของผู้ใช้โมบายล์ ?
 
Round Trip Time (RTT) หรือเวลาที่ใช้ในการเดินทางไปกลับของข้อมูล เป็นตัวชี้วัดความล่าช้าของเครือข่ายที่มีผลต่อการใช้งานเซอร์วิสต่างๆ ของผู้ใช้โมบายล์ โดยจะมีผลต่อประสบการณ์ของผู้ใช้ในลักษณะต่างๆ ดังนี้:

1. การท่องเว็บ: การท่องเว็บนั้น การที่ค่า RTT ต่ำจะทำให้หน้าเว็บโหลดเร็ว หาก RTT สูง การเปิดหน้าเว็บจะช้า

2. การสตรีมวิดีโอและเพลง: การสตรีมวิดีโอและเพลงต้องการ RTT ที่ต่ำเพื่อการบัฟเฟอร์ที่น้อยลงและการเล่นที่ราบรื่น แม้เทคนิคการบัฟเฟอร์ช่วยลดผลกระทบของ RTT ที่สูง แต่ถ้า RTT สูงเกินไปก็อาจทำให้การเริ่มเล่นช้าลงและการบัฟเฟอร์ระหว่างการเล่นมากขึ้น

3. การเล่นเกมออนไลน์: การเล่นเกมออนไลน์ต้องการ RTT ที่ต่ำมากเพื่อให้การตอบสนองเร็วที่สุด การเล่นเกมแบบเรียลไทม์ (Real-time) เช่น FPS (First-person shooter) จะได้รับผลกระทบมากหาก RTT สูง เพราะการเคลื่อนไหวและการตอบสนองของผู้เล่นจะล่าช้า ทำให้ประสบการณ์การเล่นเกมแย่ลง

4. การโทรผ่านอินเทอร์เน็ต (VoIP) และวิดีโอคอล: การโทรผ่านอินเทอร์เน็ตและการวิดีโอคอลต้องการ RTT ที่ต่ำเพื่อให้เสียงและภาพไม่มีการล่าช้า ซึ่งจะทำให้การสนทนาราบรื่นเป็นธรรมชาติ

5. การใช้แอปพลิเคชันโซเชียลมีเดีย: การโพสต์ข้อความ รูปภาพ หรือวิดีโอบนโซเชียลมีเดียสามารถทำได้แม้ RTT จะสูงบ้าง แต่ถ้า RTT สูงมากก็ส่งผลให้ผู้ใช้รู้สึกว่าการใช้งานไม่ราบรื่น

แล้วตัวแปรที่ส่งผลต่อค่า RTT ในการใช้งานของผู้ใช้โมบายล์มีอะไรบ้างล่ะ ?

1. ปัจจัยด้านเครือข่าย
·         ความหนาแน่นของผู้ใช้งาน (User Density): เมื่อมีผู้ใช้จำนวนมากในพื้นที่เดียวกัน อาจทำให้ความเร็วในการส่งข้อมูลลดลงและค่า RTT เพิ่มขึ้น เนื่องจากการแข่งขันในการใช้ทรัพยากรเครือข่าย

·         ความครอบคลุมของสัญญาณ (Signal Coverage): ในพื้นที่ที่สัญญาณเครือข่ายไม่ครอบคลุมหรือมีสัญญาณอ่อน ค่า RTT จะสูงขึ้นเนื่องจากการส่งข้อมูลจะช้าลง

·         ประเภทของเครือข่าย (Network Type): การใช้เครือข่าย 4G, 5G หรือ Wi-Fi จะส่งผลต่อค่า RTT โดยปกติเครือข่าย 5G จะมีค่า RTT ต่ำกว่า 4G

2. ปัจจัยด้านอุปกรณ์
·         ประสิทธิภาพของอุปกรณ์ (Device Performance): อุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพต่ำอาจประมวลผลข้อมูลช้า ทำให้ค่า RTT สูงขึ้น

·         การตั้งค่าเครือข่ายของอุปกรณ์ (Device Network Settings): การตั้งค่า APN (Access Point Name) หรือการตั้งค่าเครือข่ายอื่นๆ ที่ไม่ถูกต้อง อาจส่งผลต่อค่า RTT

3. ปัจจัยด้านภูมิศาสตร์
·         ระยะห่างระหว่างผู้ใช้กับเซิร์ฟเวอร์ (Distance to Server): ระยะห่างระหว่างผู้ใช้กับเซิร์ฟเวอร์ที่ให้บริการจะส่งผลต่อค่า RTT โดยตรง ระยะทางที่ไกลขึ้นจะทำให้เวลาในการส่งข้อมูลเพิ่มขึ้น

·         สภาพแวดล้อมทางกายภาพ (Physical Environment): พื้นที่ที่มีสิ่งกีดขวางมาก เช่น อาคารสูง ภูเขา จะทำให้ค่า RTT เพิ่มขึ้น

สรุปว่า RTT ที่ต่ำนั้นจะส่งผลต่อประสบการณ์ที่ดีต่อการใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ และอินเตอร์เน็ตนั้นเองค่ะ 

บทความที่เกี่ยวข้อง
 iPhone 16 เปิดตัววันที่ 9 กันยายน มีอะไรมาใหม่บ้าง ?
รอลุ้นกันได้เลยวันที่ 9 กันยายนนี้ Apple จะเปิดตัวอะไรกันบ้าง แต่ที่แน่ๆต้องมี iPhone16 แน่นอนจะมีฟีเจอร์อะไรใหม่ๆบ้างต้องรอลุ้นกัน
6 Sep 2024
เน็ตแรงเท่าไหร่เหมาะกับการใช้งานแบบไหนบ้าง
หากใครที่กำลังคิดจะซื้อซิมอยู่แต่ไม่รู้ว่าเราเหมาะกับความแรงเน็ตเท่าไหร่ มาอ่านบทความนี้กันค่ะ
20 Aug 2024
พลังแห่งตัวเลขคืออะไร ความหมายตัวเลข
ตัวเลขแต่ละตัวมีพลังงานหรืออิทธิพลที่แตกต่างกันไป วันนี้ WPN Mobile เอาความหมายของตัวเลขแต่ละตัวมาฝากกัน
9 Aug 2024
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ